#เรื่องเล่ายามดึก สะเทือนใจทุกครั้งที่เห็นคนหัวเราะหรือล้อเล่นกับสำเนียงการพูดของคนประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง เพราะมันทำให้หวนนึกถึงชีวิตสมัยอยู่จีน
ตอนอยู่จีนใหม่ๆ ผมไม่ได้ภาษาจีนเลย และกลัวที่จะหัดพูดด้วย เนื่องจากผมเป็นคนที่มีปัญหาด้านการพูดมาตั้งแต่เด็ก ภาษาอังกฤษเรียก Stuttering ถ้าภาษาไทยเรียกง่ายๆก็ ติดอ่าง (ไม่ใช่อ่างอบนวดนะ อันนั้นไม่ติด แค่ครั้งคราว เอ้ยยย ล้อเล่นครับ ไม่เคยไป 55)
คือพอเรามีปัญหาพูดติดอ่าง พูดติดขัด เราก็เลยกลัวที่จะฝึกภาษาจีนด้วยการพูดกับคนจีน เราเลยพูดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ คือพูดง่ายๆว่าอยู่กับเพื่อนคนไทยหรือต่างชาติเท่านั้น (ตอนนั้นฝึกฝนตั้งแต่เด็กจนพูดภาษาไทยและอังกฤษได้แทบจะปกติ แต่ขะมีติดขัดเวลาพักผ่อนน้อย หรือตื่นเต้น แต่ถ้าหัดภาษาใหม่ จะติดขัดหนักมากในช่วงเริ่ม)
ทำให้ ปีแรกของการอยู่จีน ไปอยู่แบบไม่ได้ภาษาจีนเลย แต่มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อที่บ้านให้ข้อคิดว่า ถ้าเราไม่ก้าวข้ามความกลัว เราจะเหมือนกับปล่อยเวลาทิ้งไปวันๆ ทั้งที่เรามีโอกาสที่ได้ไปใช้ชีวิตในจีน
ผมจึงกลับมาฮึดสู้ ฝึกภาษาจีน ออกไปเที่ยวในจีนคนเดียว พูดจีนกับคนจีนมากขึ้น โดยระหว่างที่ฝึก ผมโดนคนจีนเจ้าของภาษา หัวเราะเยาะและเลียนแบบการพูดไม่ชัดและพูดติดขัดของผมอยู่หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน บอกเลยว่า “เสียใจทุกครั้ง” แต่ก็สู้ เพราะอยากได้ภาษาเขา
เวลาผ่านไปสักระยะ ผมเริ่มมีเพื่อนคนจีนมากขึ้น กลุ่มเพื่อนที่เข้าใจในความเป็นต่างชาติต่างภาษาและปัญหาการพูดของเรา อาจารย์ที่ปรึกษาหยิบยื่นโอกาสให้เป็นอาจารย์พิเศษ เพื่อฝึกการพูด โดยประโยคเด็ดของอาจารย์ที่ยังดังก้องในความทรงจำของผมคือ
“ความสามารถของคน ไม่ได้แค่วัดกันที่พูดดีหรือไม่ดี สำเนียงชัดหรือไม่ชัด แต่วัดกันที่ความตั้งใจและสิ่งที่กระทำออกมา ดังนั้นผมอยากให้คุณให้โอกาสตัวเองได้ฝึกฝน ส่วนผม ผมวางโอกาสให้คุณไว้บนโต๊ะนี้แล้ว”
เหตุการณ์สมัยอยู่จีนตามที่ผมเล่ามา มันกลับมาทุกครั้ง เวลาเห็นคนหัวเราะคนต่างชาติหรือคนประเทศเพื่อนบ้าน ที่พยายามฝึกฝนและพูดภาษาไทย หรือแม้แต่คนไทยกันเองที่พูดไม่ชัด/ติดขัดแบบผม ก็โดนล้อจนเหมือนเป็นบรรทัดฐานในสังคมของคนจำนวนไม่น้อยว่า “การกระทำแบบนี้ไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องขำขัน”
เรารู้ได้อย่างไรว่า คนที่โดน เขาสนุกด้วย? ถ้าเราโดนบ้างเราจะรู้สึกเช่นไร เราตอบไม่ได้หรอก หากเราไม่โดนจริงๆ เหมือนกับเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งเจอสักครู่นี้ ณ ร้านสะดวกซื้อ ที่มีคนพม่าเขามาซื้อของ และถูกคนในร้านหัวเราะในสำเนียง
“ผมเคยโดนมาก่อน ผมจึงเข้าใจเขา
และผมก็เคยหัวเราะคนอื่นด้วยเหตุการณ์ประมาณนี้เช่นกัน จนผมโดนกับตัวเอง ถึงรู้ว่า มันไม่ตลกสักนิด
และถ้าให้เราพูดภาษาเขาบ้าง เราก็คงพูดไม่ได้เหมือนเจ้าของภาษาแบบเขาหรอก จริงไหม?”
ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ ที่เราจะหยุดการทำร้ายคนอื่นด้วยการกระทำที่เราคิดว่าสนุก
เลิกเถอะครับ กับการล้อใครที่สำเนียงหรือท่าทางการพูด รวมถึงลักษณะทางกายภาพของบุคคลอื่น เพราะการกดคนอื่นลง มันไม่ได้ทำให้เราดูมีคุณค่ามากขึ้นเลยสักนิด
ถ้าใครเห็นด้วยกับผม อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคม ผมฝากแชร์ออกไปด้วยนะครับ แม้เสียงที่เราเปล่งออกมา มันจะไม่ดัง แต่ถ้ารวมกัน มันคงดังมากพอในสักวันหนึ่ง
ขอบคุณครับ
“บันทึกเอาไว้ว่า เราควรเคารพเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
———-
บันทึกโดย ภากร กัทชลี ผู้ก่อตั้งและเจ้าของเพจอ้ายจง
20 กันยายน 2562
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง