การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง 

(Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF)

ความเป็นมา

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง เป็นกิจกรรมระดับนานาชาติระดับสูงสุดภายใต้กรอบ “สายแถบและเส้นทาง” (Belt and Road) เป็นกิจกรรมทางการทูตพหุภาคีขนาดใหญ่ระดับสูงที่ริเริ่มและสนับสนุน โดยสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศที่สำคัญสำหรับทุกฝ่ายในการหารือ ร่วมกันสร้าง “สายแถบและเส้นทาง” และแบ่งปันผลลัพธ์ของความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน  กิจกรรมหลักของการประชุม ได้แก่ พิธีเปิด การประชุมโต๊ะกลมผู้นำ การประชุมระดับสูง การประชุมย่อย การประชุมผู้ประกอบการ ฯลฯ

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ตุลาคม 2566 ณ กรุงปักกิ่ง ในหัวข้อ “High-quality joint construction of the “Belt and Road” and joint efforts to achieve common development and prosperity”

เป้าหมายการประชุม

ประการที่หนึ่ง คือ สรุปความก้าวหน้าเชิงบวกของการก่อสร้าง “สายแถบและเส้นทาง” อย่างรอบด้าน  แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่สำคัญในช่วงต้น สร้างฉันทามติความร่วมมือและรักษาสถานการณ์ความร่วมมือที่ดี

ประการที่สอง คือ หารือเกี่ยวกับมาตรการความร่วมมือที่สำคัญในขั้นตอนต่อไป เพื่อส่งเสริมการจัดวางกลยุทธ์การพัฒนาของทุกฝ่าย กระชับความร่วมมือให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และบรรลุการพัฒนาร่วมกัน

ประการที่สาม คือ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และบรรลุความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ในขณะเดียวกัน ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนและการปรับโครงสร้าง

การประชุมที่ผ่านมา

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 1
A Project of the Century: Xi Jinping's Belt and Road Forum gets underway |  CGTN America

ภาพ : Pang Xinglei/Xinhua via AP

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 1 หรือ การประชุมระดับสูงเวทีข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทะเลศตวรรษที่ 21 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 – 15 พฤษภาคม 2560 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าร่วมการประชุม โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

จีนได้จัดการประชุม BRF ครั้งนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 หรือ Belt and Road Initiative เมื่อปี 2556 โดยการประชุม BRF มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 110 ประเทศ มีผู้แทนระดับผู้นำ 28 คน ผู้แทนระดับรัฐมนตรีกว่า 400 คน และผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศ เช่น UN, WTO, IMF, World Bank, AIIB เข้าร่วม

การจัดประชุม BRF ถือเป็นการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ของจีน โดยจีนได้พยายามกำหนดภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนโลก โดยใช้ BRI เป็นฐานสนับสนุนและเน้นย้ำผลประโยชน์ที่จะเกิดแก่มวลชนจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ BRI นับเป็นการจัดประชุมที่ใหญ่ที่สุดของปี ในเวลาที่เอื้อต่อจีนในการประกาศศักยภาพและสร้างความยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากกระแสชาตินิยมและลัทธิกีดกัน    ทางการค้าจากสหรัฐและยุโรป รวมทั้งประเด็นความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเน้นวัตถุประสงค์ของ BRI ได้แก่ สันติภาพและความร่วมมือ ความเปิดกว้างและความครอบคลุมทุกภาคส่วน หรือ Inclusiveness การรับฟังข้อคิดเห็นเพื่อประโยชน์ร่วมกัน BRI เน้นย้ำหลักการเพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ การเปิดรับต่อกัน นวัตกรรม และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนนอกจากนี้ BRI ยังมีวัตถุประสงค์สร้างความไว้เหนือเชื่อใจทางการเมือง การประสานยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาการร่วมกันสร้างฉันทมติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านโครงสร้างพื้นฐาน จีนประสงค์ให้ BRI สอดรับกับความต้องการของประเทศสมาชิก โดยสนับสนุนจุดเด่นของแต่ละประเทศ ดังนั้น BRI จึงไม่ใช่ยุทธศาสตร์หรือผลประโยชน์ของจีนเพียงประเทศเดียว แต่เป็นนโยบายของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ร่วมกันกำหนด นอกจากนี้ จีนยังประกาศเพิ่มเงินกู้ Silk Road Fund อีกหนึ่งแสนล้านหยวน

รัฐมนตรีต่างประเทศได้เข้าร่วมและกล่าวคำแถลงในเวทีหาหรือย่อยความเชื่อมโยงด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนา รัฐมนตรีคมนาคมและรัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้เข้าร่วมและกล่าวคำแถลงในเวทีหารือย่อยการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน รัฐมนตรีพาณิชย์ได้เข้าร่วมและกล่าวคำแถลงในเวทีหารือย่อยความเชื่อมโยงด้านการค้า และรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าร่วมและกล่าวคำแถลงในเวทีหารือย่อยความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยไทยได้ร่วมรับรองเอกสาร 3 ฉบับ ได้แก่ 

  1. Guiding Principles on Financing the Development of the Belt and Road
  2. Initiative on Promoting Unimpeded Trade Cooperation along the Belt and Road
  3. Appeal for Stronger People-to-People Connectivity along the Belt and Road

รัฐมนตรีต่างประเทศได้กล่าวสนับสนุนข้อริเริ่มของจีนและเห็นว่าจีนประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ BRI ซึ่งเป็นวาระระดับโลกมีผลอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในเวลาที่จำกัด ซึ่งประชาคมระหว่างประเทศควรสนับสนุนเพื่อมุ่งสู่ความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ รัฐมนตรีต่างประเทศได้กล่าวถึงนโยบายไทยที่มีความสอดคล้องและสนับสนุน BRI โดยระดับประเทศ ได้แก่ การส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และระเบียงเศรษฐกิจแนวต่าง ๆ  ซึ่งสอดคล้องกับ China-Indochina Economic Corridor นโยบายประเทศไทย 4.0 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเน้นนวัตกรรมการผลักดัน ACMECS Master Plan on Connectivity นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของไทยในฐานะตัวเชื่อมระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ BRI ในภาพรวม 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นทวิภาคี กล่าวคือ การตอบรับการเข้าร่วมการประชุมของนายกรัฐมนตรีในเดือนกันยายน 2560 รถไฟไทยจีน ประเด็นกรอบความร่วมมือแม่โขงล้านช้าง และประเด็นภูมิภาค ได้แก่ อาเซียน สหรัฐฯ ทะเลจีนใต้ และคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ รัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีคมนาคม รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้าพบหารือทวิภาคีกับผู้แทนระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 2
Belt and Road Initiative Forum 2019 meet ends with deals worth $64 billion - Trade and Investment Promotion

ภาพ : Xinhua

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 – 27 เมษายน 2562 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน หัวข้อการประชุม คือ “Belt and Road Cooperation, Shaping a Brighter Shared Future” โดยสาระสำคัญของผลการประชุมฯ ประกอบด้วย 

1) การประชุมระดับสูงของ BRF ครั้งที่ 2 โดยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมและกล่าวต่อที่ประชุมฯ ว่า ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางจะสร้างโอกาสความร่วมมือที่เปิดกว้างและนำไปสู่ความมั่งคั่งร่วมกัน 

2) การประชุมผู้นำโต๊ะกลมของ BRF ครั้งที่ 2 โดยที่ประชุม ได้รับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุม BRF ครั้งที่ 2 ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่ (1) ความเชื่อมโยงทางนโยบาย (2) ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานทุกมิติ (3) การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (4) การเสริมสร้างความเข้มแข็งของความร่วมมือให้ปฏิบัติได้จริงและมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และ (5) การพัฒนาการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนในมิติต่าง ๆ 

3) การประชุมเวทีกลุ่มย่อย 

4) การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำจีน 

5) การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำประเทศอื่น ๆ

Fu Cong 傅聪 on X: "The 3rd Belt and Road Forum for International Cooperation  will be held in Beijing from Oct. 17 to 18 under the theme “High-quality  Belt and Road Cooperation:

การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3

(The Third Belt and Road Forum for International Cooperation)

งานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญนานาชาติที่เข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3

ภาพ : Xinhua

ในช่วงเย็นของวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และภริยา เผิง ลี่หยวน ได้จัดงานเลี้ยงที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง เพื่อต้อนรับบุคคลสำคัญนานาชาติที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยมีคณะบุคคลสำคัญนานาชาติที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ประมุขต่างประเทศ หัวหน้ารัฐบาล หัวหน้าองค์กรระหว่างประเทศ และคู่สมรส เดินทางมาถึงมหาศาลาประชาชน

โดยนายสี จิ้นผิง และนางเผิง ลี่หยวน ให้การต้อนรับผู้นำต่างประเทศและภรรยาอย่างอบอุ่น ก่อนจับมือทักทายและร่วมถ่ายภาพ

ต่อมา นายสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ และแสดงการต้อนรับอย่างอบอุ่นต่อแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมการประชุม  ในฐานะผู้แทนรัฐบาลและประชาชนจีน 

นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้บาน ถึงฤดูใบไม้ร่วง จึงจะมีการเก็บเกี่ยว ในช่วง 10 ปีนับตั้งแต่มีการเสนอโครงการริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จีนได้ทำงานร่วมกับทุกฝ่ายที่ร่วมมือกัน ส่งเสริมเจตนารมณ์เส้นทางสายไหมแห่งสันติภาพและความร่วมมือ การเปิดกว้าง และการครอบคลุม การเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ต่อกัน อำนวยประโยชน์และประสบผลสำเร็จร่วมกัน เพื่อสร้างผลงานให้กับการเชื่อมโยงของทั่วโลก สร้างแพลตฟอร์มสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพิ่มแรงผลักดันในการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก  เราได้ดำเนินโครงการความร่วมมือเชิงปฏิบัติหลายพันโครงการ ซึ่งได้ประสบผลที่เป็นจริงมากมาย ถือเป็นการวาดภาพอันยิ่งใหญ่แห่งการเชื่อมโลกและความงดงามที่หลากหลาย

ทั้งนี้เป็นผลงานจากความพยายามด้วยการทำงานหนัก สติปัญญา และความกล้าหาญของรัฐบาล ธุรกิจและประชาชนทุกประเทศ ขอให้แสดงความเคารพต่อผู้เข้าร่วมและผู้ร่วมกันสร้างโครงการริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”

นายสี จิ้นผิงเน้นย้ำว่า การก่อสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ร่วมกันมุ่งแสวงหาการพัฒนา มีเป้าหมายเพื่อความสำเร็จร่วมกัน และส่งต่อความหวัง มีเพียงการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งเท่านั้นจึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลมากมายและสร้างคุณูปการที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตและให้ความสุขกับประชาชน  นี่เป็นภารกิจหน้าที่ของนักการเมืองรุ่นนี้ที่มีต่อคนยุคนี้และคนรุ่นหลัง การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ร่วมกันได้ผ่านทศวรรษแรกที่เจริญรุ่งเรือง และตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ เราต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่ง และมุ่งหน้าสู่ทศวรรษยุคทองถัดไป

พร้อมชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้โลกยังไม่สงบสุข แรงกดดันที่ลดลงของเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น การพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย

เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า แนวโน้มทางประวัติศาสตร์แห่งสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และการประสบผลสำเร็จร่วมกันนั้น ไม่สามารถขัดขวางได้ ความปรารถนาของประชาชนต่อชีวิตที่ดีขึ้นนั้นขาดขวางไม่ได้ และความหวังที่จะบรรลุการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันก็ขัดขวางไม่ได้ ตราบใดที่เรายึดมั่นในเจตนารมณ์ดั้งเดิมแห่งความร่วมมือ จดจำภารกิจการพัฒนา การสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่มีคุณภาพ ยิ่งเกิดความรุ่งโรจน์ และสร้างอนาคตของมนุษย์ที่ดีขึ้นภายใต้ความพยายามร่วมกันของทุกฝ่าย

Xi addresses banquet for guests attending third Belt and Road Forum for Int'l Cooperation - YouTube
พิธีเปิดการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3

ภาพ : Xinhua

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 และกล่าวสุนทรพจน์สำคัญ ณ อาคารมหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยแนะนําความสำเร็จที่สำคัญของการร่วมกันสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และสรุปประสบการณ์ด้านความร่วมมือ การปรึกษาหารือร่วมกัน ร่วมกันสร้างสรรค์  ร่วมแบ่งปัน  และมีชัยชนะร่วมกัน  อีกทั้ง วาดพิมพ์เขียวของการร่วมกันสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางให้มีคุณภาพสูง  นายสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำคีย์เวิร์ดสำคัญสี่คำ ได้แก่ “ความตั้งใจเริ่มแรก” “ผลลัพธ์” “ประสบการณ์” และ “ปฏิบัติการ”

  1. ด้านความตั้งใจเริ่มแรก

นายสี จิ้นผิง ได้อรรถาธิบายว่า “ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปีที่ข้าพเจ้าเสนอข้อริเริ่มว่าด้วยการร่วมสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ความตั้งใจเริ่มแรกของการเสนอข้อริเริ่มนี้ คือ เรียนรู้จากเส้นทางสายไหมโบราณ ถือการเชื่อมต่อกันเป็นแนวทางหลัก เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนด้านนโยบาย  การเชื่อมต่อกันด้านสิ่งอำนวยความสะดวก การอำนวยความสะดวกทางการค้า การไหลเวียนทางการเงิน และการเชื่อมต่อกันระหว่างประชาชนกับนานาประเทศ เพื่ออัดฉีดแรงผลักดันใหม่ให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก เปิดพื้นที่ใหม่สำหรับการพัฒนาระดับโลก และสร้างแพลตฟอร์มใหม่ให้กับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ”

  1. ด้านผลลัพธ์

การร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ถือเป็นเรื่องใหม่ ระหว่างการเดินทางที่ผ่านมาใช่ว่าจะไร้ขวากหนามกีดขวางและความสงสัย นายสี จิ้นผิง ระบุในปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ว่า “ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เราได้ยึดมั่นความตั้งใจเริ่มแรก เดินหน้าร่วมกัน ขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ให้ “จากไม่มีสู่มี” จนได้รับการพัฒนาอย่างคึกคักและบรรลุผลสำเร็จอันงดงาม”  นายสี จิ้นผิง พูดถึงการเปลี่ยนแปลง 3 ด้านเป็นสำคัญ ได้แก่ ความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้ขยายจากทวีปยูเรเชียไปถึงแอฟริกาและละตินอเมริกา ได้ก้าวย่างจากขั้นตอน “งานพู่กันด้วยมือเปล่า” สู่ขั้น “ภาพวาดอันพิถีพิถัน” และได้ขยายการเชื่อมต่อกันจากด้านฮาร์ดแวร์ถึงด้านซอฟต์แวร์

  1. ด้านประสบการณ์

ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ นายสี จิ้นผิง ได้สรุปความตระหนักอันลึกซึ้งใน 3 ด้าน ประการแรก มนุษยชาติเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันซึ่งต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน  ประการที่สอง มีเพียงความร่วมมือแบบได้ชัยชนะด้วยกันเท่านั้นจึงจะสามารถบรรลุสิ่งต่าง ๆ สิ่งดี ๆ และสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ประการที่สาม เจตนารมณ์แห่งเส้นทางสายไหมอันได้แก่ สันติภาพและความร่วมมือ การเปิดกว้างและครอบคลุม การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การอำนวยประโยชน์แก่กันและได้ชัยชนะร่วมกันนั้น ถือเป็นแหล่งพลังที่สำคัญที่สุดสำหรับการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” 

  1. ด้านปฏิบัติการ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

นายสี จิ้นผิง ได้ประกาศปฏิบัติการ 8 ประการของจีนในการสนับสนุนการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างมีคุณภาพสูง ได้แก่ สร้างโครงข่ายเชื่อมโยงสามมิติ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”  สนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง ดำเนินการความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมการพัฒนาสีเขียว ผลักดันการสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน สร้างถนนแห่งความซื่อสัตย์สุจริต และปรับปรุงกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ให้สมบูรณ์ ปฏิบัติการ ทั้ง 8 ประการล้วนมีมาตรการที่เป็นรูปธรรม

ประการแรก สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงโครงข่ายในหลายมิติตามข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง จีนจะเร่งการพัฒนาคุณภาพสูงของรถไฟจีน-ยุโรป สร้างระเบียงการขนส่งระหว่างประเทศทรานส์-แคสเปียน ทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อสร้างช่องทางโลจิสติกส์ใหม่สำหรับทวีปยูเรเซีย (เอเชีย-ยุโรป) ให้ได้รับการสนับสนุนจากการขนส่งทางรถไฟและทางหลวงโดยตรง พร้อมส่งเสริมการพัฒนาท่าเรือ “เส้นทางสายไหมและการขนส่งทางทะเล” ตลอดจนการเร่งสร้างระเบียงทางบก-ทางทะเลใหม่ ๆ รวมถึง “เส้นทางสายไหมทางอากาศ”

ประการสอง สนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจโลกแบบเปิด สร้างเขตสาธิตความร่วมมือ “เส้นทางสายไหม           อีคอมเมิร์ซ” เจรจาข้อตกลงการค้าเสรีรวมถึงข้อตกลงคุ้มครองการลงทุนกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น ขจัดข้อจำกัด       การเข้าถึงการลงทุนจากต่างประเทศในภาคการผลิต ปฏิบัติตามกฎทางเศรษฐกิจและการค้าที่มีมาตรฐานระดับสูงระหว่างประเทศอย่างแข็งขัน ส่งเสริมการเปิดการค้าและการลงทุนบริการข้ามพรมแดนในระดับสูง ไปจนถึงขยาย     การเข้าถึงตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ดิจิทัล โดยจีนจะจัดงาน “Global Digital Trade Expo” ทุกปี

ประการสาม ความร่วมมือเชิงปฏิบัติ จีนจะประสานงานการส่งเสริมโครงการสำคัญและโครงการดำรงชีวิตของผู้คน กองทุนเส้นทางสายไหมจะเพิ่มกองทุนใหม่เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ร่วมกัน มุ่งเน้นตลาดและเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ จีนจะช่วยเหลือในการดำรงชีวิตขนาดเล็ก 1,000 โครงการ ส่งเสริมความร่วมมืออาชีวศึกษาระหว่างจีนและต่างประเทศผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมทั้งทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เสริมสร้างความมั่นคงของโครงการและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”

ประการสี่ ส่งเสริมการพัฒนาสีเขียว กระชับความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว พลังงานสีเขียว การขนส่งสีเขียว และอื่น ๆ ต่อไป

ประการที่ห้า การส่งเสริมนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จีนจะจัดการประชุมแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางครั้งแรก พร้อมขยายจำนวนห้องปฏิบัติการร่วมที่สร้างขึ้นร่วมกับทุกฝ่ายเป็น 100 แห่งใน 5 ปีข้างหน้า สนับสนุนนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์จากทั่วโลกให้มาทำงานระยะสั้นที่จีน จีนจะเสนอโครงการริเริ่มการกำกับดูแลด้านปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกในฟอรั่มนี้ และจีนยินดีที่จะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและการเจรจากับประเทศอื่น ๆ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก มีระเบียบและปลอดภัย

ประการที่หก สนับสนุนการแลกเปลี่ยน ระหว่างประชาชน จีนจะจัดงานประชุมเพื่อกระชับการเจรจาที่มีอารยธรรมกับประเทศต่าง ๆ ร่วมกันสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง บนพื้นฐานของเทศกาลศิลปะ พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ พันธมิตรห้องสมุด และพันธมิตรการท่องเที่ยวเมืองตามเส้นทางสายไหมภายใต้กองทุน “เส้นทางสายไหม” ต่อไป

ประการที่เจ็ด สร้างเส้นทางแห่งความซื่อสัตย์ จีนจะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเผยแพร่ความสำเร็จและอนาคตในการสร้างสรรค์ความซื่อสัตย์ของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง พร้อมทั้งเปิดตัวหลักการขั้นสูงในการสร้างสรรค์ความซื่อสัตย์ของข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง จัดตั้งระบบประเมินความซื่อสัตย์และการปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กร ตลอดจนร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อดำเนินการวิจัยและการฝึกอบรมความซื่อสัตย์

ประการที่แปด ปรับปรุงกลไกความร่วมมือ ระหว่างประเทศหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง จีนจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือพหุภาคีกับประเทศต่างๆที่เข้าร่วมในข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ในด้านพลังงาน ภาษี การเงิน การพัฒนาสีเขียว การลดภัยพิบัติ การต่อต้านการทุจริต คลังสมอง  สื่อ วัฒนธรรม และสาขาอื่น ๆ โดยจัดการประชุมสุดยอดความร่วมมือระหว่างประเทศหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางต่อไป และจัดตั้งสำนักเลขาธิการสำหรับการประชุมสุดยอด

ตั้งแต่การสร้างช่องทางโลจิสติกส์ใหม่ในทวีปยูเรเชียและการสร้างเขตนำร่องความร่วมมือ “อีคอมเมิร์ซเส้นทางสายไหม” ไปจนถึงการยกเลิกข้อจำกัดการเข้าสู่ตลาดจีนสำหรับทุนต่างชาติในภาคการผลิตอย่างครอบคลุมและเสนอข้อริเริ่มว่าด้วยการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก จากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ครั้งแรกและการจัด “จัดฟอรั่มเหลียงจู่” ไปจนถึงการดำเนินโครงการช่วยเหลือชีวิตประชาชนขนาดเล็ก 1,000 โครงการและการสร้างระบบประเมินความซื่อสัตย์และชอบธรรมของวิสาหกิจ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ฯลฯ ปฏิบัติการเหล่านี้ล้วนเปี่ยมไปด้วยสาระสำคัญและความสร้างสรรค์

ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษครั้งนี้ นายสี จิ้นผิง ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับโลกจากมุมมองของความทันสมัย โดยชี้ให้เห็นว่า “สิ่งที่เราพยายามบรรลุให้สำเร็จนั้นไม่ใช่การทำให้จีนบรรลุความทันสมัยเพียงฝ่ายเดียว แต่เราหวังที่จะบรรลุความทันสมัยร่วมกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากมายด้วย” 

นายสี จิ้นผิง อธิบายถึงเอกลักษณ์ “ความทันสมัยของโลก” ว่า ความทันสมัยของโลกควรเป็นความทันสมัยแห่งการพัฒนาอย่างสันติ เป็นความทันสมัยแห่งการร่วมมือที่อำนวยผลประโยชน์แก่กัน และเป็นความทันสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน  การร่วมกันเดินบนหนทางสู่ความทันสมัยนั้นเป็นทางเลือกที่ชัดเจนของจีน

นายสี จิ้นผิง เน้นย้ำว่าจีนยินดีที่จะลงลึกกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับทุกฝ่าย ผลักดันการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ให้ก้าวสู่ขั้นตอนใหม่ของการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง และจะใช้ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อบรรลุความทันสมัยของทุกประเทศในโลก

习近平出席第三届“一带一路”国际合作高峰论坛开幕式并发表主旨演讲__中国政府网

ภาพ : Xinhua

ผลสำเร็จการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3
王毅:高峰论坛最重要的共识是开启高质量共建“一带一路”新阶段_中华人民共和国外交部

ภาพ : www.mfa.gov.cn

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่สำคัญในกระบวนการร่วมสร้างแผนริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) และการประชุมในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จโดยสมบูรณ์

นายหวัง ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน แถลงว่า ฉันทามติที่สำคัญที่สุดที่บรรลุในการประชุมฯ คือ การเปิดความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่มีคุณภาพสูงระยะใหม่ ซึ่งความร่วมมือระยะใหม่นี้มุ่งสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นสำหรับเศรษฐกิจโลก และเอื้อประโยชน์ต่อสถานการณ์โลก

นายหวัง กล่าวว่า วิสัยทัศน์ที่ดีที่สุดของการประชุมฯ คือ การร่วมกันสร้างโลกนี้ให้ทันสมัย แผนริเริ่มฯ ได้สร้างเวทีความร่วมมือสำหรับการพัฒนาร่วมกัน และช่วยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากเร่งรัดการเดินหน้าสู่การสร้างความทันสมัย โดยในระหว่างการประชุมฯ มีการบรรลุผลลัพธ์ 458 รายการ ซึ่งมากกว่าการประชุมฯ ครั้งที่สอง

นายหวัง ระบุว่า ความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางสร้างความคืบหน้าครั้งประวัติศาสตร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดเส้นทางแห่งความร่วมมือ โอกาส และความเจริญรุ่งเรืองที่นำไปสู่การพัฒนาร่วมกัน และแผนริเริ่มฯ ได้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะระดับนานาชาติที่ได้รับความนิยมที่สุด และเป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน

นายหวัง เผยว่า แผนริเริ่มฯ เป็นเวทีที่เปิดกว้าง และยินดีต้อนรับทุกประเทศเข้ามามีส่วนร่วมทุกเมื่อ พร้อมแสดงความคาดหวังว่าแผนริเริ่มการเชื่อมต่อของประเทศอื่น ๆ จะยังคงเปิดกว้างและละเว้นจากการสร้างกลุ่มพิเศษเฉพาะเช่นกัน โดยจีนพร้อมที่จะทำงานอย่างสอดคล้องกับแผนริเริ่มการเชื่อมต่อทั้งหมด

นอกจากนั้น ในงานแถลงข่าว นายหวังยังได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าโครงการความเป็นหุ้นส่วนเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนระดับโลกที่สหรัฐฯ เปิดตัว มุ่งเป้าไปยังแผนริเริ่มฯ โดยมองว่าคำกล่าวอ้างนี้เป็นอีกกรณีหนึ่งของการหยิบยกเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นประเด็นทางการเมือง

อัพเดทล่าสุด

Facebook

ติดตามเราบน Facebook

Youtube

ติดตามเราบน Youtube

ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เลขที่ 21 ถนนกวงหวา เขตฉาวหยาง กรุงปักกิ่ง 100600 สาธารณรัฐประชาชนจีน อีเมล : [email protected]

© 2020-2024 Science and Technology Section, Royal Thai Embassy in Beijing Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation, 21 Guanghua Road, Chaoyang District, Beijing 100600 P.R.C. E-mail: [email protected]