เมื่อวัน 29 พฤศจิกายน 2565 ยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมเสินโจว-15 ถูกปล่อยออกจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียน ภารกิจเสินโจว-15 เป็นภารกิจการเดินทางสู่อวกาศ ครั้งที่ 6 ของโครงการการเดินทางสู่อวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมของจีนในปีนี้ และเป็นภารกิจสุดท้ายของการก่อสร้างสถานีอวกาศจีน โดยนักบินอวกาศทั้งสามจะอยู่ในวงโคจรนาน 6 เดือน ได้แก่ เฟ่ยจวิ้นหลง เติ้งชิงหมิง และจางลู่ โดยเฟ่ยจะรับหน้าที่ผู้บัญชาการ และจะกลับสู่พื้นโลกตามแผนการภายในเดือนพฤษภาคม 2566
เมื่อวัน 30 พฤศจิกายน 2565 ทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-15 ได้เข้าสู่สถานีอวกาศจีนและพบปะกับทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-14 อีก 3 คน นับเป็นการรวมตัวครั้งประวัติศาสตร์ในการเพิ่มบุคลากรประจำห้องปฏิบัติการอวกาศในวงโคจรเป็น 6 คนครั้งแรก
ภารกิจหลักของเสินโจว-15
หลังจากเข้าสู่วงโคจรแล้ว ยานอวกาศได้ดำเนินการนัดพบอัตโนมัติอย่างรวดเร็วและเทียบเท่ากับท่าเทียบด้านหน้าของโมดูลเทียนเหอ ซึ่งเป็นโมดูลหลักของสถานีอวกาศ สถานีอวกาศจีนจะถูกขยายให้มีโครงสร้างขนาดใหญ่ตามแผนการ ซึ่งประกอบขึ้นจากโมดูล 3 โมดูล ยานอวกาศ 3 ลำ มีมวลรวมกับเกือบ 100 ตัน ได้แก่ โมดูลหลัก เทียนเหอ โมดูลห้องทดลองเวิ่นเทียน โมดูลห้องทดลองเมิ่งเทียน ยานอวกาศบรรทุกมนุษย์ 2 ลำ (เสินโจว 14 และ 15) และยานขนส่งสัมภาระอีก 1 ลำ
ทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-15 จะทำงานและใช้ชีวิตในวงโคจรเป็นเวลา 6 เดือน ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ พวกเขาจะดำเนินการตรวจสอบความสามารถของสถานีอวกาศในการรองรับการพำนักระยะยาวของนักบินอวกาศ ดำเนินการปลดล็อค ติดตั้ง และทดสอบตู้ทดลองทางวิทยาศาสตร์ 15 ตู้ และดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศมากกว่า 40 รายการ ในสาขาการวิจัยและการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์อวกาศ เวชศาสตร์การบินและอวกาศ เทคโนโลยีการบินและอวกาศ และอื่น ๆ
พวกเขาจะดำเนินกิจกรรมนอกห้องโดยสาร 3 ถึง 4 กิจกรรม ติดตั้งเครื่องปั๊มส่วนต่อขยายโมดูลห้องปฏิบัติการเมิ่งเทียน (Mengtian) ให้เสร็จ และติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ และออกไปปฏิบัติหน้าที่นอกยาน เช่น การประกอบ ทดสอบ และแก้ไขระบบการเคลื่อนย้ายขนถ่ายสัมภาระนอกตัวยาน ซึ่งเป็นการสานต่องานที่ทีมเสินโจว-14 ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้และร่วมมือกับภาคพื้นดิน เพื่อดำเนินการเคลื่อนย้ายขนถ่ายสัมภาระนอกตัวยาน 6 ภารกิจ โดยจะดำเนินการทดสอบแพลตฟอร์มมาตรฐาน การบำรุงรักษา และการจัดการสถานี ตลอดจนการฝึกฝนร่างกาย
ระหว่างที่อยู่ในวงโคจร ทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-15 จะรับรองการเดินทางของยานสัมภาระเทียนโจว-6 และยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมเสินโจว-16 เพื่อเยี่ยมชมและเทียบท่าด้วย และมีแผนกลับสู่พื้นโลกในเดือนพฤษภาคม 2566
ทีมนักบินอวกาศยานเสินโจว-14 กลับสู่โลก
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 ทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสิ่นโจว-14 ได้เดินทางกลับสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย หลังจากปฏิบัติงานที่สถานีอวกาศเทียนกงเสร็จสิ้นตามกำหนดการทั้งหมดเป็นเวลา 6 เดือน
การดูแลทางการแพทย์
ทีมนักบินอวกาศยานเสินโจว-14 ปฏิบัติภารกิจในอวกาศในสภาวะไร้น้ำหนัก อวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายต้องเผชิญกับการทดสอบและความท้าทายมากมาย เช่น อาการวิงเวียนศีรษะจากการกระจายของของเหลวในร่างกาย คัดจมูก เลือดไปเลี้ยงขาไม่เพียงพอ กระดูกหัก กล้ามเนื้อลีบ ภูมิคุ้มกันลดลง เป็นต้น
ยานพาหนะดูแลทางการแพทย์เป็นอุปกรณ์ที่ให้การสนับสนุนภาคพื้นดินสำหรับนักบินอวกาศหลังจากลงจอด นักบินอวกาศจะได้รับการดูแลทางการแพทย์ 9 รายการหลัก และ 31 รายการย่อย ได้แก่ การตรวจร่างกายการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ออกซิเจนในเลือด และอื่น ๆ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 100 นาที หลังจากนั้นจะช่วยเหลือนักบินอวกาศถอดชุดอวกาศออกและเปลี่ยนเสื้อผ้า และรับประทานอาหารมื้อแรก
อาหารมื้อแรก : บะหมี่และซุปเนื้อแกะ
อาหารมื้อแรกสำหรับนักบินอวกาศที่กลับสู่โลก นอกจากการพิจารณาเรื่องโภชนาการอาหารและการรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหารในสภาพแวดล้อมไร้น้ำหนักในระยะยาวแล้ว อีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือรสนิยมส่วนตัวของนักบินอวกาศ
การรับประทานบะหมี่ในมื้อแรกนั้นเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงและเป็นวิทยาศาสตร์ เหตุผลสำคัญคือร่างกายค่อนข้างอ่อนล้าจากการเดินทางไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประสบกับการเปลี่ยนจากสภาวะไร้น้ำหนักไปสู่แรงโน้มถ่วงของโลก (ค่า 1G) ระบบย่อยอาหารจะปรับตัวได้ยาก บะหมี่เป็นอาหารที่เบาและดูดซึมได้ดี ซึ่งจะไม่สร้างภาระให้กับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นบะหมี่จึงเป็นตัวเลือกแรก
นอกจากบะหมี่แล้ว ซุปเนื้อแกะก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ในสภาวะไร้น้ำหนักในระยะยาวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในระบบย่อยอาหาร มื้อแรกควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบและเย็นที่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ เน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ และโปรตีนสูง อาหารจำพวกนี้ย่อยง่าย ไม่มัน อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ซุปเนื้อแกะเหมาะกับคุณสมบัตินี้
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ซุปเนื้อแกะสามารถปัดเป่าความหนาวเย็นและบํารุงชี่ (tonify qi , 补气) จุดลงจอดที่ฐานลงจอดตงเฟิง ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในทางตอนเหนือของจีน มีลมแรงและอุณหภูมิต่ำ สภาพอากาศ อุณหภูมิในบริเวณนี้อาจติดลบถึง 26 องศา ดังนั้นการทานซุปเนื้อแกะจึงมีผลดีในการขับไล่ความหนาวเย็น
นอกจากบะหมี่และซุปเนื้อแกะที่จำเป็นแล้ว ยังมีอาหาร ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น น้ำข้าวโพดคั้นสดที่มีสรรพคุณเป็นยาระบายลำไส้ เสริมสร้างการบีบตัวของผนังลำไส้ ส่งเสริมการขับถ่ายของเสียในร่างกาย กระตุ้นม้าม ควบคุมกระเพาะอาหาร และขับปัสสาวะ ซึ่งเอื้อต่อการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของระบบทางเดินอาหาร
ตัวอย่างการทดลองจากสถานีอวกาศจีนกลับสู่โลก
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 ตัวอย่างการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในอวกาศ ชุดที่ 3 ถูกส่งไปยังระบบประยุกต์ใช้ในอวกาศของโครงการอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมของจีน หลังจากแคปซูลส่งกลับของยานอวกาศ เสินโจว-14 กลับสู่โลก
การทดลองวงจรชีวิตของพืช 2 ชนิด ได้แก่ ข้าวและเธลเครส (Arabidopsis) ในสถานีอวกาศของประเทศดําเนินการโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์พืชเซลล์โมเลกุล สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS Center for Excellence in Molecular Plant Sciences) ระหว่างวันที่ 29 ก.ค. – 25 พ.ย. เป็นเวลารวม 120 วัน โดยทีมนักบินอวกาศเก็บตัวอย่างข้าวระยะงอกในวันที่ 21 ก.ย. ตัวอย่างเธลเครสระยะ ออกดอกในวันที่ 12 ต.ค. และตัวอย่างพืชทั้งสองชนิดระยะเมล็ดสุกแก่ในวันที่ 25 พ.ย. จากนั้นจัดเก็บตัวอย่างทั้งหมด ในอุปกรณ์แช่เยือกแข็งแบบไครโอจีนิก (cryogenic) ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เพื่อทําการทดสอบและวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม
ทีมวิจัยจีนเสร็จสิ้นการทดลองวงจรชีวิตของข้าวอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในโลก และยังศึกษาผลกระทบของสภาวะเกือบไร้น้ำหนักต่อการออกดอกในอวกาศอย่างเป็นระบบ โดยใช้เธอเครสต้นแบบ
คณะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบผลกระทบของสภาวะเกือบไร้น้ำหนักในอวกาศต่อลักษณะทางพืชศาสตร์ของข้าวหลายประการผ่านการวิเคราะห์ภาพถ่ายในอวกาศ อาทิ ความสูงของพืช อัตราการเจริญเติบโต การควบคุมน้ำและการตอบสนองต่อแสง เป็นต้น
สถาบันฯ ระบุว่าก่อนหน้านี้ คณะนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกสามารถเพาะเมล็ดพันธุ์พืชในอวกาศได้เพียงไม่กี่ชนิด เช่น เธลเครส ดอกผักกาดก้านขาว ข้าวสาลี และถั่วลันเตา โดยไม่นับรวมเมล็ดพืชที่เป็นอาหารหลักอย่างข้าว
เนื้อหาการทดลองหลัก
(1) เสร็จสิ้นการทดลองการเพาะปลูกของวงจรชีวิตทั้งหมดของข้าวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การงอกของเมล็ด การเจริญเติบโตของต้นกล้า การออกรวง และการตั้งเมล็ดในวงโคจร และวิเคราะห์โดยการรับภาพ
(2) หลังจากตัดแต่งกิ่งแล้ว การปลูกข้าวในอวกาศก็ประสบความสำเร็จและได้เมล็ดที่สมบูรณ์
(3) การสังเกตภาพบนวงโคจรและการวิเคราะห์การงอกของเมล็ดอาราบิดิซิส การเจริญเติบโตของต้นกล้า และยีนหลักในการออกดอกซึ่งควบคุมโดยนาฬิกาชีวภาพสามแบบที่แตกต่างกันสามแบบ เพื่อตอบสนองต่อสภาวะไร้น้ำหนักในอวกาศ และเก็บตัวอย่างบนวงโคจร
จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายในอวกาศและเปรียบเทียบกับภาพบนพื้นดิน พบว่า สภาวะไร้น้ำหนักในอวกาศมีผลกระทบต่อลักษณะทางพืชไร่นาต่าง ๆ ของข้าว ได้แก่ ความสูงของต้น จำนวนไถพรวน อัตราการเจริญเติบโต การควบคุมน้ำ การตอบสนองต่อแสง เวลาออกดอก กระบวนการพัฒนาเมล็ดพันธุ์และมีอิทธิพลหลายประการ เช่น อัตราการตั้งเมล็ด