ภายในงาน International Summit on BDS Applications ครั้งที่ 2 ได้มีการประกาศ “แผนพัฒนาอุตสาหกรรมเป๋ยโต่วของมณฑลหูหนาน ปี 2566-2570” โดยมีเป้าหมายว่า ภายในปี 2570 อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมเป๋ยโต่ว (Beidou Navigation Satellite System: BDS) และการประยุกต์ใช้ระบบสัญญาณนำทางดาวเทียมเป่ยโต่วของมณฑลหูหนานจะมีมูลค่าแตะระดับแสนล้านหยวน
แผนดังกล่าวจะมุ่งเน้นการพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ (1) การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการนำทางเป๋ยโต่ว การยกระดับการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการนำทางเป๋ยโต่ว การเพิ่มขนาดการประยุกต์ใช้ระบบสัญญาณนำทางดาวเทียมเป่ยโต่ว และการเพิ่มความสามารถในการให้บริการด้านความปลอดภัยในพื้นที่สำคัญ (2) การเพิ่มขนาดการประยุกต์ใช้ระบบสัญญาณนำทางดาวเทียมเป่ยโต่วเชิงลึกใน 4 สาขา ได้แก่ การบินระดับต่ำ (low-altitude airspace) เครื่องจักรกลเพื่อการก่อสร้าง โลจิสติกส์ และการจัดการน้ำในทะเลสาบ รวมถึงการประยุกต์ใช้เป๋ยโต่วกับอุตสาหกรรมโดดเด่นของมณฑล เช่น คมนาคมระบบราง การเชื่อมต่ออัจฉริยะหรืออัตโนมัติหรือไร้คนขับ การเกษตรอัจฉริยะ และทรัพยากรธรรมชาติ (3) การเร่งบ่มเพาะบริษัทชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมเป๋ยโต่วและการเร่งสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เป๋ยโต่ว (4) การเร่งสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมเป๋ยโต่วให้มีความแข็งแกร่งและความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด โดยมีคลัสเตอร์อุตสาหกรรมตั้งอยู่ใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ นครฉางซา เมืองจูโจว และเมืองเยว่หยาง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาของอุตสาหกรรมการนำทางเป๋ยโต่ว
ปัจจุบัน มณฑลหูหนานมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการนำทางเป๋ยโต่วตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำรวมกว่า 500 ราย มูลค่าการผลิต 38,000 ล้านหยวน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.6 ของมูลค่าอุตสาหกรรมการนำทางเป๋ยโต่วของทั้งประเทศ และมีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 25 ต่อปี
อนึ่ง งาน International Summit on BDS Applications ครั้งที่ 2 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน สำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (Cyberspace Administration of China) กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติจีน และรัฐบาลมณฑลหูหนาน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2566 ที่เมืองจูโจว มณฑลหูหนาน ส่วนงาน International Summit on BDS Applications ครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่นครฉางซา เมืองเอกของมณฑลหูหนาน
ที่มา: http://www.hn.xinhuanet.com/20231027/74db4e05b8fe4859adfc46298b665d2a/c.html