โดยศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน
ในปี 2563 มณฑลฝูเจี้ยนมี GDP ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 4 ของจีน คิดเป็น 105,690 หยวน รองจากเมืองเศรษฐกิจหลักอย่างปักกิ่ง (164,904 หยวน) เซี่ยงไฮ้ (155,606 หยวน) และเจียงซู (121,205 หยวน) ขณะที่ผลการสำรวจสำมะโนประชากรระดับชาติ ประจำปี 2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนพบว่า จำนวนประชากรของมณฑลฝูเจี้ยนในปัจจุบันสูงถึง 41.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 2.9 ของประชากรจีนทั้งประเทศสูงเป็นอันดับ 15 ของจีน และเป็นมณฑลที่มีจำนวนประชาชนต่างถิ่นสูงเป็นอันดับ 5 ของประเทศ รองจากเจ้อเจียง กวางตุ้ง ซินเจียงและฉงชิ่ง
ศูนย์ BIC ขอเพิ่มเติมว่า จากสถิติดังกล่าวสะท้อนความสำเร็จของรัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยนในการพัฒนาฝูเจี้ยนให้เป็นเมืองที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างรอบด้าน ส่งผลให้ปัจจุบันฝูเจี้ยนกลายเป็นมณฑลที่รองรับประชาชนจากต่างมณฑลเข้ามาอาศัยมากเป็นอันดับต้นของจีน ขณะเดียวกัน ประชากรฝูเจี้ยนที่อาศัยในเขตเมืองมีกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2563 ชาวฝูเจี้ยนมีค่าใช้จ่ายต่อหัวของประชากรที่อาศัยอยู่เขตเมืองสูงกว่า 30,000 หยวนต่อปี โดยรายได้ของประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในมณฑลฝูเจี้ยนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากสถิติปี 2563 พบว่า ชาวฝูเจี้ยนมีค่าเฉลี่ยรายจ่ายสินค้า/บริการเพื่อสุขภาพต่อหัว 1,691 ต่อปี คิดเป็นร้อยละ 5.5 ของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.5 จาก 617 หยวนในปี 2553 ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะยกระดับคุณภาพ มาตรฐานและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของผู้บริโภคจีน
แหล่งอ้างอิง http://www.stats.gov.cn/tjsj/zxfb/202105/t20210510_1817184.html
webmaster
เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู