ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564
รถไฟจีน-ยุโรปขนส่งสินค้าจากนครฉงชิ่งไปยังเมืองดุยส์บูร์ก ประเทศเยอรมนี (สำนักข่าวซินหัว)
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 รัฐบาลนครฉงชิ่งเปิดเผยว่า นับตั้งแต่เปิดใช้งานรถไฟจีน-ยุโรปจนถึงปัจจุบัน ได้ขนส่งรถยนต์ประมาณ 25,000 คัน มูลค่ากว่า 10,000 ล้านหยวน (ประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านท่าเรือในนครฉงชิ่ง
ปัจจุบัน นครฉงชิ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ โดยมีการนำเข้ารถยนต์ 17 แบรนด์รถยนต์หรู อาทิ Mercedes-Benz, Audi, BMW และ Land Rover ผ่านขบวนรถไฟจีน-ยุโรป
สำนักงานโลจิสติกส์นครฉงชิ่งเปิดเผยด้วยว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2564 นครฉงชิ่งมีการนำเข้ารถยนต์ผ่านขบวนรถไฟจีน-ยุโรปมากกว่า 4,600 คัน โดยมีมูลค่าการนำเข้า 2,600 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563
นครฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญของรถไฟจีน-ยุโรป รถไฟขบวนแรกของรถไฟจีน-ยุโรป คือรถไฟสายนครฉงชิ่ง-ซินเจียง-ยุโรป เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 และมีการบริการขนส่งไปแล้วทั้งหมด 1,359 ขบวนในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563
ในอดีต รถไฟฉงชิ่ง-ซินเจียง-ยุโรป ออกแบบมาสำหรับขนส่งแล็ปท็อปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ในปัจจุบัน มีการขนส่งสินค้ามากกว่า 1,000 ชนิด ตั้งแต่รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ รวมไปจนถึงยาและสินค้าอุปโภคบริโภค
ขบวนรถไฟสายนครฉงชิ่ง-ซินเจียง-ยุโรป วิ่งผ่านหัวเมืองสำคัญทางภาคตะวันตกของจีน อาทิ เมืองต๋าโจวในมณฑลเสสวน เมืองอานคังและนครซีอานในมณฑลส่านซี นครหลานโจวในมณฑลกานซู นครอูลูมูฉีในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เข้าสู่ประเทศคาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ และสิ้นสุดปลายทางที่เมืองดุยส์บูร์ก ประเทศเยอรมนี รวมเป็นระยะทางทั้งหมด 11,179 กิโลเมตร นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางของการขยายตลาดสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้า-ส่งออก และโลจิสติกส์ของไทย ที่สนใจเปิดตลาดจีนและยุโรป อาจพิจารณาขนส่งผ่านขบวนรถไฟนครฉงชิ่ง- ซินเจียง-ยุโรป ซึ่งเป็นเส้นทางโลจิสติกส์สายหลักระหว่างเอเชียและยุโรปที่จะสามารถขนส่งสินค้าไปยังตลาดยุโรปภายในระยะเวลา 16 วัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : เว็บไซต์ทางการของ People’s Daily (เข้าถึงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564)
ภาพประกอบ: เว็บไซต์ People’s Daily