ไฮไลท์
- อำเภอระดับเมืองผิงเสียงของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงยังคงดำเนินมาตรการบริหารจัดการแบบปิด (Closed-loop management) อย่างเข้มงวดสำหรับการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อป้องกันและ ‘ตัดตอน’ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในกรณีที่สินค้ามีการปนเปื้อน มิให้กระจายเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ระบบห่วงโซ่ความเย็น ซึ่งรวมถึง ‘ผลไม้สด’
- เมืองผิงเสียงได้นำมาตรการ ‘เปลี่ยนหัวรถลาก’ ที่บริเวณพื้นที่แนวกันชนชายแดนจีน(กว่างซี)-เวียดนาม เพื่อลดการสัมผัสระหว่างคนขับรถบรรทุกของสองประเทศ และช่วยแก้ไขและบรรเทาปัญหารถบรรทุกติดขัด/ติดค้างบริเวณพื้นที่ชายแดน หลังจากที่ไม่นานมานี้ เมืองผิงเสียงเพิ่งนำเทคโนโลยี “สายรัดข้อมือ GPS” มาใช้เพื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของพนักงานขับรถบรรทุกสินค้าข้ามแดนเป็นที่แรกในประเทศจีน
- นอกจากนี้ เมืองผิงเสียงยังได้เปิดช่องทางพิเศษ (Green Lane) สำหรับสินค้าสดและมีชีวิต ตรวจปล่อยสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในงานป้องกันโรคภายใน 24 ชั่วโมง เปิดด่าน(ช่องจราจร)สำหรับรถบรรทุกขาออกไปเวียดนาม (ช่วยระบายรถบรรทุกขาออกที่ติดค้างจาก 2,500 เหลือ 1,800 คัน) เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยที่ลานสินค้าจากเดิม 4 ทีมเป็น 8 ทีม เปิดช่องทางพิเศษสำหรับรถบรรทุกเปล่าที่กลับจากเวียดนามเข้ากว่างซี เพื่อให้การผ่านพิธีการศุลกากรและการจราจรของรถบรรทุกสินค้าสามารถลื่นไหลไปได้อย่างสะดวก
- ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปประเทศจีนผ่านด่านในเขตฯ กว่างซีจ้วง ควรติดตามสถานการณ์และวางแผนการขนส่งสินค้าอย่างรอบคอบ พิจารณาใช้ประโยชน์จากด่านในกว่างซีที่หลากหลาย นอกจากด่านโหย่วอี้กวานแล้ว ยังมีด่านทางเลือกอื่นอีก อาทิ ด่านท่าเรือชินโจว และด่านท่าเรือฝางเฉิงก่าง
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มีพรมแดนติดกับประเทศเวียดนาม 1,020 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของด่านสากล ด่านการค้าชายแดน และจุดผ่อนปรนการค้าจำนวนมาก โดยมี “อำเภอระดับเมืองผิงเสียง” (ติดจังหวัด Langsong ของเวียดนาม) เป็นเมืองชายแดนที่มีมูลค่าการค้าต่างประเทศมากที่สุดของมณฑล และเป็นที่ตั้งของ ‘ด่านนำเข้าผลไม้’ ที่มีปริมาณการนำเข้าผลไม้จากอาเซียนมากที่สุดของประเทศจีนเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน
ที่ผ่านมา สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่องในบริเวณชายแดนจีน(กว่างซี)-เวียดนามทำให้เมืองผิงเสียงจำเป็นต้องคงมาตรการบริหารจัดการแบบปิด (Closed-loop management) ที่เข้มงวดสำหรับการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่อาจปนเปื้อนมากับตู้สินค้า มิให้กระจายเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ระบบห่วงโซ่ความเย็น รวมถึง ‘ผลไม้สด’ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายควบคุมโควิดเป็นศูนย์ (Zero Tolerance) ของรัฐบาลกลาง ส่งผลให้รถบรรทุกสินค้าทั้งฝั่งจีน(กว่างซี)และเวียดนาม ต้องเผชิญปัญหาติดค้างบริเวณพื้นที่ชายแดนเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด เมืองผิงเสียงได้นำนำมาตรการ ‘เปลี่ยนหัวรถลาก’ ที่บริเวณพื้นที่แนวกันชนชายแดนจีน(กว่างซี)-เวียดนาม ทั้งที่ด่านโหย่วอี้กวานและด่านทวิภาคีผู่จ้าย เพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างคนขับรถบรรทุกของสองประเทศ และช่วยเพิ่มความรวดเร็วให้กับการขนส่งตู้สินค้า บรรเทาปัญหารถบรรทุกติดขัด/ติดค้างบริเวณพื้นที่ชายแดน
นับเป็นความเคลื่อนไหวใหม่หลังจากที่ไม่นานมานี้ เมืองผิงเสียงเพิ่งนำเทคโนโลยี “สายรัดข้อมือ GPS” มาใช้เพื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของพนักงานขับรถบรรทุกสินค้าข้ามแดนเป็นที่แรกในประเทศจีน และมาตรการยกระดับการบริหารจัดการห่วงโซ่ความเย็นในอาหารนำเข้าแบบปิด (closed-loop) ในอาหารแช่เย็นแช่แข็งที่นำเข้าจากต่างประเทศด้วยระบบการควบคุมแบบรวมศูนย์ผ่านโมเดล “อินเทอร์เน็ต + บิ๊กดาต้า + คลังสินค้าแบบรวมศูนย์” การพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (traceability system) และกลไกความตกลงยอมรับผลในเอกสาร/ใบรับรองต่างๆ ร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangement) ทั้งในมณฑลและข้ามมณฑล
นอกจากนี้ เมืองผิงเสียงยังได้เปิดช่องทางพิเศษ (Green Lane) สำหรับสินค้าสดและมีชีวิต ตรวจปล่อยสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในงานป้องกันโรคภายใน 24 ชั่วโมง เปิดด่าน(ช่องจราจร)สำหรับรถบรรทุกขาออกไปเวียดนาม (ช่วยระบายรถบรรทุกขาออกที่ติดค้างจาก 2,500 เหลือ 1,800 คัน) เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยที่ลานสินค้าจากเดิม 4 ทีมเป็น 8 ทีม เปิดช่องทางพิเศษสำหรับรถบรรทุกเปล่าที่กลับจากเวียดนามเข้ากว่างซี เพื่อให้การผ่านพิธีการศุลกากรและการจราจรของรถบรรทุกสินค้าสามารถลื่นไหลไปได้อย่างสะดวก
ข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2565 ปรากฏว่า ด่านโหย่วอี้กวานมีปริมาณรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกสะสม 24,000 คันครั้ง (เข้า 12,000 คนครั้ง และออก 12,000 คันครั้ง) รวมปริมาณสินค้า 2.46 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าสินค้า 12,870 ล้านหยวน และช่วงวันที่ 8-15 มีนาคม 2565 ด่านสากลโหย่วอี้กวานและด่านทวิภาคีผู่จ้าย มีรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกทั้งหมด 1,675 คันครั้ง เฉลี่ยวันละ 209 คันครั้ง สะท้อนว่าศักยภาพในการผ่านพิธีการศุลกากรกำลังฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บีไอซี ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการป้องกันโควิด-19 ใน “ผลไม้สด” นำเข้าจากต่างประเทศที่ด่านโหย่วอี้กวาน (แนวปฏิบัติเหมือนกันทั้งจีน) จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และการฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอกสำหรับผลไม้นำเข้า ดังนี้
1.นอกจากการสุ่มตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชที่ดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้ว (ตู้ผลไม้ไทยมีอัตราการสุ่มตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืช 30% ขณะที่ผลไม้เวียดนามตรวจ 100%) ตู้ผลไม้นำเข้าจะต้องถูกสุ่มตรวจเชื้อโควิด-19 และฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอกทั้งหมดทุกกล่อง
2.การตรวจหาเชื้อโควิด-19 และฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอกทุกตู้ทุกกล่อง แบ่งเป็น 2 กรณี คือ
2.1 กรณีที่ตู้สินค้าถูกสุ่มตรวจโรคพืชและแมลงศัตรูพืช + ถูกระบบสุ่มให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอกที่ด่านโหย่วอี้กวาน กระบวนการทั้งหมดดำเนินเสร็จสิ้นในบริเวณพื้นที่ลานตรวจสินค้าภายในด่านโหย่วอี้กวาน จากนั้นรถบรรทุกจะต้องขับไปยังศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าเกษตรที่กำหนดในเมืองผิงเสียง เพื่อรอใบรับรองการนำอาหารแช่เย็นแช่แข็งออกจากคลังสินค้าก่อนจึงจะสามารถกระจายไปยังพื้นที่อื่นทั่วประเทศจีน
2.2 กรณีที่ตู้สินค้าไม่ได้ถูกระบบสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 และฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอกที่ด่านโหย่วอี้กวาน รถบรรทุกจะต้องลากตู้สินค้าที่ถูกปิดผนึก (seal) ไปที่ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้าเกษตรที่กำหนดในเมืองผิงเสียง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายแห่ง เพื่อทำการสุ่มเก็บตัวอย่างสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และฆ่าเชื้อบนบรรจุภัณฑ์ภายนอกทุกตู้ทุกกล่อง ซึ่งกระบวนการฆ่าเชื้อจะดำเนินการระหว่างการขนถ่ายตู้สินค้าจากตู้เดิมของไทยไปยังตู้สินค้าของจีน โดยลำเลียงผ่านสายพานที่ติดตั้งเครื่องพ่นละอองฆ่าเชื้อไวรัส หลังจากได้รับใบรับรองการนำอาหารแช่เย็นแช่แข็งออกจากคลังสินค้าก่อนจึงจะสามารถกระจายไปยังพื้นที่อื่นทั่วประเทศจีน
บีไอซี ขอเน้นย้ำว่า ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปประเทศจีนผ่านด่านในเขตฯ กว่างซีจ้วง ควรติดตามสถานการณ์และวางแผนการขนส่งสินค้าอย่างรอบคอบ พิจารณาใช้ประโยชน์จากด่านในกว่างซีที่หลากหลาย นอกจากด่านโหย่วอี้กวานแล้ว ยังมีด่านทางเลือกอื่นอีก อาทิ ด่านท่าเรือชินโจว และด่านท่าเรือฝางเฉิงก่าง
จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
ที่มา เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com.cn (中国新闻网) วันที่ 19, 20 มีนาคม 2565