ไฮไลท์
- ด่านรถไฟผิงเสียงใช้เวลาสั้นๆ เพียง 3 เดือนจากต้นปี นำเข้าผลไม้ทะลุ 1 หมื่นตันแล้ว หลังจากที่ขบวนรถไฟลำเลียงขนุนเวียดนาม น้ำหนัก 292 ตัน เดินทางถึงท่าสถานีด่านรถไฟผิงเสียง ทำให้ด่านรถไฟแห่งนี้มีปริมาณนำเข้าผลไม้จากอาเซียนสะสม 10,048 ตัน และนับตั้งแต่สถานตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชได้รับการอนุมัติเมื่อปี 2563 เป็นต้นมา ด่านรถไฟแห่งนี้มีปริมาณการนำเข้าผลไม้สะสม 44,700 ตันแล้ว
- ในบรรดาสินค้าที่นำเข้าผ่านทางรถไฟ ผลไม้จากอาเซียนมีปริมาณมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นทุเรียน ขนุน และลำไย และนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป จะเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ คาดว่าปริมาณการนำเข้าผลไม้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จะเท่ากับปริมาณการนำเข้าของทั้งปีที่แล้ว
- ด่านรถไฟผิงเสียงเป็นอีกหนึ่ง “ทางเลือก” ในการระบายผลไม้ไทย โดยเฉพาะช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหารถบรรทุกติดสะสมที่บริเวณด่านโหย่วอี้กวาน เนื่องจากสินค้าไม่ต้องรอคิวนาน สามารถลำเลียงตู้สินค้าได้ครั้งละจำนวนมาก (ราว 20 ตู้ต่อขบวน) แต่โมเดล “รถ+ราง” จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถบรรทุกเล็กน้อย
- ในการใช้ช่องทางการขนส่งผ่านด่านรถไฟผิงเสียง ผู้ส่งออกจำเป็นต้องพิจารณาเรื่อง “ตลาดปลายทาง” ด้วย เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากด่านเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด รวมทั้งผู้ส่งออกต้องตระหนักถึงปัญหาโรคแมลงศัตรูพืชและการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผลไม้ที่ส่งออกไปจีน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีการสุ่มตรวจผลไม้อย่างเข้มงวด จึงจำเป็นต้องรักษาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด
ปัจจุบัน การขนส่งผลไม้จากไทยไปกว่างซี(จีน)มีหลากหลายทางเลือก นอกจากการขนส่งทางรถบรรทุกและทางเรือที่ผู้ค้านิยมใช้กันแล้ว การขนส่งสินค้าทาง “รถไฟ” ได้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูผลไม้ที่กำลังมาจะมาถึงนี้
นับจากต้นปี 2565 ด่านรถไฟผิงเสียงใช้เวลาสั้นๆ เพียง 3 เดือน มีปริมาณผลไม้นำเข้าทะลุ 1 หมื่นตันแล้ว โดยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ขบวนรถไฟลำเลียงขนุน น้ำหนัก 292 ตัน เดินทางจากเวียดนามไปถึงท่าสถานีด่านรถไฟผิงเสียง ทำให้ด่านรถไฟแห่งนี้มีปริมาณนำเข้าผลไม้จากอาเซียนสะสม 10,048 ตัน และนับตั้งแต่สถานตรวจและกักกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืชได้รับการอนุมัติเมื่อปี 2563 เป็นต้นมา ด่านรถไฟแห่งนี้มีปริมาณการนำเข้าผลไม้สะสม 44,700 ตันแล้ว
นายเจี่ยง จิ้ง (Jiang Jing/蒋靖) หัวหน้าสถานีรถไฟผิงเสียง ให้ข้อมูลว่า ในบรรดาสินค้าที่นำเข้าผ่านทางรถไฟ ผลไม้จากอาเซียนมีปริมาณมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นทุเรียน ขนุน และลำไย และนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป จะเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ คาดว่าปริมาณการนำเข้าผลไม้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จะเท่ากับปริมาณการนำเข้าของทั้งปีที่แล้ว
รู้จัก “ด่านรถไฟผิงเสียง” ตั้งอยู่ในอำเภอระดับเมืองผิงเสียงของเมืองฉงจั่ว ห่างจากด่านทางบกโหย่วอี้กวานราว 14 กิโลเมตร เป็น “ด่านนำเข้าผลไม้ทางรถไฟ” แห่งแรกของประเทศจีน
- เดือนกุมภาพันธ์ 2563 สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) ได้อนุมัติให้เป็นด่านนำเข้าผลไม้อย่างเป็นทางการ (ในเวลานั้น สามารถนำเข้าผลไม้เวียดนามได้เท่านั้น เพราะว่าผลไม้ไทยยังไม่ได้อยู่ในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สาม)
- วันที่ 29 เมษายน 2563 ได้รับการอนุมัติให้เป็น “ด่านนำเข้าผลไม้จากประเทศที่สาม” รวมถึงผลไม้ไทย
- เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 ด่านรถไฟผิงเสียงได้จัดพิธีต้อนรับ “ผลไม้ไทย” ล็อตแรกที่ผ่านเข้าสู่ด่านรถไฟผิงเสียง
กล่าวได้ว่า ด่านรถไฟผิงเสียง เป็นอีกหนึ่งด่านที่ได้รับโอกาสจากวิกฤตโควิด-19 ในการอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทย และเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน พลิกโฉมการส่งออกแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ทางรถบรรทุก ทางเรือ และทางเครื่องบินเท่านั้น
โอกาสของผู้ส่งออกผลไม้ไทย ด่านรถไฟผิงเสียงเป็นอีกหนึ่ง “ทางเลือก” ในการระบายผลไม้ไทย โดยเฉพาะช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหารถบรรทุกติดสะสมที่บริเวณด่านโหย่วอี้กวาน เนื่องจากสินค้าไม่ต้องรอคิวนาน สามารถลำเลียงตู้สินค้าได้ครั้งละจำนวนมาก (ราว 20 ตู้ต่อขบวน) แต่โมเดล “รถ+ราง” จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถบรรทุกเล็กน้อย
ทั้งนี้ ผู้ส่งออกผลไม้ไทยสามารถใช้รถบรรทุกสินค้าลำเลียงสินค้าออกจากภาคอีสานทางถนน R8 (บึงกาฬ) R9 (มุกดาหาร) และ R12 (นครพนม) ผ่าน สปป. ลาว เข้าสู่เวียดนาม ผ่านกรุงฮานอย มุ่งหน้าไปที่สถานีรถไฟด่งดัง (Dong Dang) จังหวัดลางเซิน เพื่อลำเลียงตู้สินค้าขึ้นขบวนรถไฟ ก่อนเข้าไปที่ด่านรถไฟผิงเสียงของกว่างซีด้วยระยะทางเพียง 17 กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่งเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ สำหรับสินค้าทั่วไปสามารถลำเลียงตู้สินค้าขึ้นขบวนรถไฟที่สถานีรถไฟ Yên Viên ในกรุงฮานอย
หลังจากตู้สินค้าลำเลียงเข้ามาถึงด่านรถไฟผิงเสียงเพื่อผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว ก็สามารถใช้โครงข่ายทางรถไฟของจีนลำเลียงผลไม้ไปยังหัวเมืองสำคัญทั่วจีน ปัจจุบัน มีขบวนรถไฟระหว่างประเทศผ่านเมืองผิงเสียงที่เชื่อมกับมณฑลต่างๆ รวม 9 เส้นทาง ซึ่งผู้ส่งออกสามารถเลือกใช้ได้ อาทิ นครเซี่ยงไฮ้ใช้เวลา 45 ชั่วโมง กรุงปักกิ่งใช้เวลา 70 ชั่วโมง หรือจะส่งไปไกลถึงเอเชียกลางและยุโรปผ่าน China-Europe Railway Express ใช้เวลา 7-10 วัน (ทางเรือใช้เวลา 1 เดือน)
เลือกใช้รถไฟเพื่อกระจายสินค้าต่ออย่างไร… รถไฟมีความได้เปรียบในการขนส่งระยะทางไกล จึงเหมาะกับการกระจายสินค้าไปที่หัวเมืองภาคตะวันออก/ภาคเหนือ รวมถึงพื้นที่ตอนในทางภาคตะวันตกของจีน หากเป็นการขนส่งระยะสั้น ควรใช้การขนส่งทางรถบรรทุก เช่น หากส่งผลไม้ไปยังนครกว่างโจวของมณฑลกวางตุ้ง รถบรรทุกใช้เวลาเพียง 1-2 วัน จึงประหยัดเวลาได้มากกว่าทางรถไฟที่อาจต้องใช้เวลานานถึง 4 วัน
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งทางรถบรรทุกแล้ว การขนส่งทางรถไฟมีข้อได้เปรียบด้านศักยภาพการขนส่ง (ปริมาณการขนส่งเที่ยวละ 20-25 ตู้) ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและแรงงานคนขับ กอปรกับสถานการณ์โควิด-19 การขนส่งทางรถไฟช่วยลดความเสี่ยงจากคนขับที่หมุนเวียนเข้า-ออกด่านได้อย่างมาก การผ่านพิธีการศุลกากรแบบไร้เอกสาร (e-Paperless) ที่มีความรวดเร็ว การเลี่ยงความเสียหายจากการจราจรที่แออัดของรถบรรทุกบริเวณด่านทางบก รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าในการกระจายสินค้าในระยะไกล
บีไอซี ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ด่านรถไฟผิงเสียงช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ส่งออกไทยในการระบายผลไม้ไทยไปจีนและช่วยลดอุปสรรคการขนส่งผลไม้ไทยไปจีนได้มากขึ้น ผู้ส่งออกไทยสามารถใช้ประโยชน์จากเที่ยวรถไฟเวียดนาม-จีนในการลำเลียงสินค้าเข้าสู่ตลาดทั่วประเทศจีน โดยเฉพาะในช่วงที่มีผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดจากการที่รถบรรทุกต้องรอคิวที่ด่านทางบกโหย่วอี้กวาน โดยผู้ส่งออกสามารถเลือกใช้การขนส่งทางรถไฟเพื่อผ่านพิธีการศุลกากรที่ด่านรถไฟผิงเสียง แล้วเปลี่ยน(ยกตู้)ไปใช้รถบรรทุกเพื่อกระจายไปยังหัวเมืองอื่นทั่วจีนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ในการใช้ช่องทางการขนส่งผ่านด่านรถไฟผิงเสียง ผู้ส่งออกยังต้องพิจารณาเรื่อง “ตลาดปลายทาง” ด้วย เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากด่านเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด รวมทั้งผู้ส่งออกต้องตระหนักถึงปัญหาโรคแมลงศัตรูพืชและการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผลไม้ที่ส่งออกไปจีน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรมีการสุ่มตรวจผลไม้อย่างเข้มงวด จึงจำเป็นต้องรักษาคุณภาพสินค้าและบรรจุภัณฑ์อย่างเคร่งครัด
จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
ที่มา เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com (中新社广西) วันที่ 26 มีนาคม 2565