อ้ายจงเล่าการตลาดจีน: ZENN.TH แบรนด์เครื่องสำอางไทย “ชูความเป็นไทย ส่งลิป กลิ่นทุเรียน” ลุยตลาดจีนจนโตสวนกระแสโควิด เปิดตัว 5 เดือน ขายไป 600,000 กว่าชิ้น
.
วันนี้อ้ายจงขอเล่าถึงแบรนด์ไทยแบรนด์หนึ่งที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด สวนกระแสโควิด ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยรับทราบมาแล้วว่า สินค้าประเภทเครื่องสำอางและความสวยความงามของไทยเป็นที่ต้องการและมีชื่อเสียงพอสมควร
.
อย่างเช่นแบรนด์ “ZENN.TH” เครื่องสำอางไทยที่ไปลุยตลาดจีน ซึ่งส่ง “ลิปกลอส” คอลเลคชั่นใหม่ เจาะกลุ่มวัยรุ่นจีนด้วย “สีสันโทนสดใส” และกลิ่นพิเศษชูจุดเด่นของไทยเช่น “กลิ่นทุเรียน”
เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ในจีนเพียง 5 เดือน ขายไปแล้ว 6 แสนกว่าชิ้น
.
คราวนี้เรามาดูกันว่า ทำไมแบรนด์ไทยแบรนด์นี้ถึงเจาะจีนได้ และเติบโตอย่างมาก ทั้งที่ในจีนและทั่วโลกเจอวิกฤติโควิด
.
1. ทางแบรนด์ วิเคราะห์และดูแนวโน้มเทรนในตลาดจีนว่าสินค้าตัวไหนที่มีโอกาสเป็นไปได้ ก็เอาสินค้าตัวที่ทางแบรนด์มีตรงตามที่วิเคราะห์ ไปลุยตลาดก่อน
ยึดหลัก “นำเทรนด์ก่อน ชิงพื้นที่ เป็นผู้นำก่อน และให้คนอื่นเป็นผู้ตาม” ทำให้มีคู่แข่งในตลาดน้อย โอกาสประสบความสำเร็จสูง
.
2. ราคาจับต้องได้
เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน จึงมีการทำราคาปรับลงมาจากสินค้าตัวก่อนๆ เนื่องจากต้องการให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้น
ที่ทำเช่นนี้ เป็นไปตามที่มีการวาง brand possition ว่า “ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย”
.
3. การสื่อสารด้านการตลาด เลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสมและตรงกลุ่มเป้าหมาย
มีการทำโปรโมทผ่านทาง KOL ต่างๆ โดยต้องเลือก kol ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำการโปรโมทผ่านทุกช่องทางที่เป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็น weibo, tiktok, Xiaohongshu แล้วก็การไลฟ์ขายสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ
ล่าสุด ได้ KOL ชื่อดังของจีน “Austin Li” ที่โด่งดังในฐานะผู้มีอิทธิพลทางสินค้าความสวยความงาม มา Live รีวิวและขายสินค้าแบบสดๆ ผ่าน Tmall (แพลตฟอร์ม E-commerce ในเครือ Alibaba จีน) ขายได้ หลักหมื่นแท่ง ภายใน 10 นาที
.
4. มีการวางแผนงานเกี่ยวกับการจัดโปรโมชั่น / ทำเนื้อหา-content ให้เหมาะสมกับเทศกาลต่างๆ ของจีน
.
5. สร้างการรับรู้ brand awearness “ชูจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และแบรนด์” ให้กับแบรนด์ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเช่น “ยกความเป็นไทยเป็นจุดขาย”
การเลือกใส่กลิ่นทุเรียนลงไปเป็นลูกเล่น โดยนำไปใช้เป็นกลิ่นของสีในลิปกลอสคอลเลคชั่นใหม่
คอลเลคชั่นนี้ ยังมีกลิ่นอื่นๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อนและอาจไม่เคยคิดว่าจะมีได้ เช่น วอลนัทพีช เกาลัด เป็นต้น
.
6.เน้นความยั่งยืนของแบรนด์ ด้วยคุณภาพของสินค้าต้องดี
ปัจจุบัน การบริโภคสินค้าของคนจีนไม่ได้มองแค่เรื่องของการตลาด
การที่แบรนด์นี้ทำลิปกลอสกลิ่นทุเรียน แน่นอนว่า แรกๆ ใครได้ยินว่ามีลิปกลิ่นทุเรียนนะ ก็ต้องพากันสนใจ แต่การที่จะทำให้แบรนด์อยู่อย่างยาวนานและมีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในช่วงทำการตลาด หรือโหมโฆษณา ก็หนีไม่พ้น “คุณภาพสินค้าต้องดี”
โดยจากการที่อ้ายจงไล่อ่านความคิดเห็นและรีวิวของชาวจีนบนโลกออนไลน์ พบว่า “คนจีนมอง ZENN.TH มีคุณภาพดีทีเดียว ลิปติดดี ไม่เหนอะหนะ” บ้างก็ว่า “ทาแล้วไม่รู้สึกว่าริมฝีปากแห้ง” ซึ่งความคิดเห็นอันหลังนี้ ถือเป็นสิ่งที่ผู้บรอโภคชาวจีนต้องการ อย่างยิ่งตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว อากาศหนาวแห้ง
.
7. ช่องทางการขายครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
ถ้าจะทำการตลาดจีน หวังเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยคงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดเช่นนี้ ทางแบรนด์เลยเลือกที่ส่งสินค้าเข้าไปขายถึงถิ่นจีน ทั้งช่องทางออฟไลน์-ร้านเครื่องสำอาง และช่องทางออนไลน์ E-commerce
ไม่ใช่แค่จีนแผ่นดินใหญ่ ที่ไต้หวัน มีสินค้าขายในร้าน Watsons เชนร้านเครื่องสำอางเจ้าใหญ่ 300 สาขา อีกด้วย ( อ้างอิงสาขาที่มีขายในไต้หวัน จาก
https://www.20joli.com/Article/Detail/50576)
.
สรุป: การตลาด ไม่ว่าจะเจาะตลาดจีนหรือตลาดไหน สิ่งสำคัญที่ควรคำนึง คือ หากลุ่มเป้าหมาย ความต้องการของลูกค้าและสิ่งที่เรามีให้เจอ หนทางความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #การตลาดจีน #แบรนด์ไทย #ZENNTH
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง