พัฒนาการที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้และมณฑลในเขตอาณาตามที่ได้ประมวลจากแหล่งต่าง ๆ ดังนี้
- ท่าเรือเซี่ยงไฮ้และท่าเรือหนิงโปกลับมาดำเนินการ – เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2563 สื่อท้องถิ่นเซี่ยงไฮ้รายงานว่าท่าเรือเซี่ยงไฮ้ได้กลับมาดำเนินการกว่าร้อยละ 90 ของระดับปกติเพื่อผลักดันการขนส่งสินค้าและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นจากจีนไปทั่วโลก ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ในจีนเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ ท่าเรือเซี่ยงไฮ้เป็นท่าเรือที่ขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์สูงที่สุดในโลกต่อเนื่อง 10 ปี (ในปี 2562 มีการขนส่ง 43 ล้าน TEUs มีผลกำไรสุทธิ 1.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ท่าเรือหนิงโป (เจ้อเจียง) ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีการขนส่งสินค้าสูงที่สุดในโลกต่อเนื่อง 11 ปี ก็กลับมาดำเนินการเกือบเต็มศักยภาพ โดยในเดือน มี.ค. 2563 ปริมาณสินค้ารวมลดลงร้อยละ 9.2 จากปีก่อนหน้า แต่ปริมาณสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ลดลงเพียงร้อยละ 2.5
- เซี่ยงไฮ้อันดับ 4 ของโลกด้านการเงิน – เมื่อเดือน มี.ค. 2563 เซี่ยงไฮ้ได้รับการจัดอันดับที่ 4 ของโลกด้านการเงินต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยเป็นรองจากนิวยอร์ก ลอนดอนและโตเกียว จากการรายงานของ Global Financial Centers Index โดยมีเมืองจากจีน 10 เมืองได้รับการจัดอันดับใน 100 อันดับแรก (กรุงเทพฯ อันดับที่ 58)
- เซี่ยงไฮ้ลงทุน 30,000 ล้านหยวนในโครงการเทคโนโลยีขั้นสูง – เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2563 เขตหวงผู่ในเซี่ยงไฮ้ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท China Electronic Corp (บ. ด้านอิเล็กทรอนิกส์ 500 อันดับแรกของโลก) เพื่อร่วมพัฒนาโครงการศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์แห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมบันเทิง และศูนย์การแข่งขันเกมส์ออนไลน์นานาชาติ
- เซี่ยงไฮ้เริ่มทดลองใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ – ในช่วงการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 รถยนต์อัตโนมัติได้นำมาประยุกต์ใช้ในการขนส่งเวชภัณฑ์แก่ รพ. ภายในจีน ทั้งนี้ รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายว่าจีนจะสามารถนำรถยนต์อัตโนมัติมาใช้ได้อย่างแพร่หลายในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2568 และผลักดันให้เซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในพื้นที่ทดลองรถยนต์อัตโนมัติกับผู้โดยสาร และเมื่อเดือน มี.ค. 2563 กระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีนได้ประกาศจำแนกประเภทของรถยนต์อัตโนมัติ ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยผลักดันอุตสาหกรรมนี้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัท UISEE ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะด้วย AI และมีสำนักงานในเซี่ยงไฮ้ เป็นหนึ่งในบริษัทนวัตกรรมชั้นนำของจีนที่มีส่วนผลักดันเทคโนโลยีดังกล่าวด้วย
- เมืองอู๋ซีประกาศแผนพัฒนาอุตสาหกรรม 5G เป็นเมืองแรกของจีน – เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 รัฐบาลอู๋ซี (เจียงซู) ประกาศแผนพัฒนาอุตสาหกรรม 5G โดยกำหนดว่าภายใน 5 ปีอุตสาหกรรมเทคโนโลยี 5G จะมีมูลค่า 1 แสนล้านหยวน ทั้งนี้ เมื่อปี 2562 ธุรกิจ 5G ในเมืองอู๋ซี มูลค่า 36,100 ล้านหยวน และมีบริษัทประกอบธุรกิจ 5G กว่า 50 ราย
- เมืองซูโจวนำร่องจัดทำฐานข้อมูลธุรกิจล้มละลาย – เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 รบ. ซูโจว (เจียงซู) ประกาศจัดทำฐานข้อมูลธุรกิจล้มละลายเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ด้านการพิจารณาคดี โดยศาลยุติธรรมเมืองซูโจวจะผลักดันกระบวนการยุติธรรมเพื่อผ่อนปรนการชำระหนี้สินของธุรกิจที่ถูกฟ้องล้มละลาย และสนับสนุนให้ธุรกิจที่ล้มละลายแต่ยังคงมีเทคโนโลยีด้านการผลิตสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติได้
- ตลาดอี้อู่กลับมาดำเนินการ – เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2563 สื่อท้องถิ่นจีนรายงานว่าตลาดอี้อู่ (เจ้อเจียง) ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นที่ตั้งของธุรกิจ SMEs กว่า 2 ล้านราย ปัจจุบันกลับมาทำธุรกิจได้ร้อยละ 90 โดยก่อนหน้านี้อี้อู่ได้รับผลกระทบจากการขาดแรงงานเนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัส ทำให้อี้อู่ได้ส่งเสริมการหาแรงงานใหม่ ในพื้นที่ข้างเคียง (เหอหนาน อานฮุย เจียงซี) เพื่อแก้ไขการขาดแรงงาน นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นยังให้การสนับสนุนงบประมาณ 1 พันล้านหยวนเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจในด้านต่าง ๆ โดยมีวิสาหกิจในข่ายได้รับงดเว้นภาษี 2 ล้านหยวนเป็นเวลา 2 เดือน
ข้อมูล ณ วันที่ 14 เม.ย. 63