วันที่ 16 เมษายน ช้างเอเชียจำนวน 17 ตัวที่อาศัยอยู่ในป่าเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสิบสองปันนาซึ่งอยู่ทางใต้ของมณฑลยูนนาน พากันยกโขลงออกจากเมืองผู่เอ่อไปยังเมืองอวี้ซี และมุ่งขึ้นทางทิศเหนืออย่างต่อเนื่อง
วันที่ 16 พฤษภาคม มีช้าง 2 ตัวหันหลังกลับแต่อีก 15 ตัวยังคงเดินน้าขึ้นเหนือต่อไป
วันที่ 27 พฤษภาคม ทีมพิทักษ์ป่ามณฑลยูนนานใช้โดรนสำรวจพบว่า ช้างโขลงนี้กำลังกินอาหารที่อำเภอเอ๋อซาน
ช่วงกว่า 40 วันที่ผ่านมา ช้างกลุ่มนี้ก่อเหตุ 412 ครั้งระหว่างการเดินทาง ทำลายพืชผลการเกษตรกว่า 420 ไร่ ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 6.8 ล้านหยวนหรือราว 34 ล้านบาท
สถานการณ์ที่โขลงช้างเดินเร่ร่อนและขึ้นเหนือตลอด ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง ศาสตราจารย์จง หมิงหย่ง สถาบันระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยยูนนานกล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่อาหารช้างในป่าขาดแคลน แต่ถ้าเดินขึ้นไปทิศเหนือ อาหารจะยิ่งน้อยลง นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติ
ปัจจุบัน สาเหตุที่โขลงช้างพากันเดินขึ้นเหนือยังไม่ชัดเจน ศาสตราจารย์จง หมิงหย่งกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จ่าโขลงมีประสบการณ์ไม่พอ ทำให้หลงทาง
เจ้าหน้าทีดูแลช้างเอเชียคนหนึ่งกล่าวว่า หลายปีก่อน ช้างเอเชียไม่กล้าออกมากินพืชผลการเกษตร เพราะชาวนาจะไล่ช้างด้วยวิธีต่างๆ แต่ปีหลังๆ นี้ ทางการมีมาตรการเข้มงวดในการอนุรักษ์สัตว์ป่า รวมถึงช้างเอเชีย ปัจจุบันช้างรู้ว่า คนจะไม่ทำร้ายจึงกล้าเดินออกมาหาอาหารที่มีการเพาะปลูกไว้ และมีขอบเขตเดินทางกว้างขึ้น นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เดินทางไกลในครั้งนี้
เหตุการณ์นี้กำลังดำเนินอยู่ ทางการท้องถิ่นใช้มาตรการเพื่อไม่ให้โขลงช้างปะทะกับชาวไร่ชาวนา อย่างเช่นมีการเตือนภัยล่วงหน้า ตั้งรั้วกั้น ตลอดจนจ่ายค่าประกันภัยให้ชาวนาที่ได้รับความเสียหาย
ชาวเน็ตจีนพากันฝากข้อความว่า “ขอให้จัดการและดูแลดีๆ อย่าให้ช้างถูกทำร้าย” “เราควรให้ความสนใจการใช้ชีวิตของช้างป่าให้มากขึ้น” เป็นต้น
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
ลึกชัดกับผิงผิง