“ตีแผ่ชีวิตการเรียนการทำงานในแลป มหาวิทยาลัยจีน เข้า 8.30 เลิกสี่ทุ่ม แต่ใครกลับก่อน โดนมองว่า “ไม่ทุ่มเท” หนึ่งในเหตุการณ์เล็กๆ ของปัญหา “เรียนหนัก-ทำงานหนักจนเกินไป” ในจีน
.
สืบเนื่องจากโพสต์ที่เล่าเรื่อง “จีนพยายามแก้ไขปัญหาการเรียนหนักและนอนน้อยของนักเรียนจีน ด้วยการขอความร่วมมือให้สถานศึกษาลดการเรียนการสอนที่เช้าและดึกมากไป รวมถึงการสั่งการบ้าน” ทำให้อ้ายจงนึกถึงสมัยที่อ้ายจงเรียนและทำแลปในมหาวิทยาลัยจีน ที่เด็กจีนทุ่มเทกันอย่างหนักมาก เนื่องจากคนจีนจำนวนไม่น้อยยังมีความเชื่อที่ฝังรากลึกมานานว่า “เรียนหนัก ทำงานหนัก อย่างยิ่งถึงขั้นอดหลับอดนอน จะได้ชื่อว่าเป็นคนทุ่มเท และก้าวหน้ากว่าคนอื่น”
.
อ้ายจงขอยกตัวอย่างจากแลปของอ้ายจงเอง สมัยนั้นที่อ้ายจงอยู่ในแลป มีกฎระเบียบที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม คือ
1.เข้าแลป จันทร์-ศุกร์ 8.30-11.30 บ่าย 14.30-17.30 ค่ำ 20.00-22.00
วันเสาร์ มาเฉพาะครึ่งเช้า
หากไม่มาแลปต้องลาด้วย ห้ามขาดไปเฉยๆ
ในความเป็นจริง ทุกคนต่างอยู่หลังสี่ทุ่ม เพราะถ้ากลับก่อน จะโดนมองว่าไม่ทุ่มเททันที เด็กจีนหลายคนนอนที่ห้องแลปก็มีเยอะ
.
2. หัก50 หยวน ต่อการขาด1ครั้ง ถ้าขาด3ครั้งเดือนนั้นไม่ได้เงินเบี้ยเลี้ยง คือนักศึกษาในแลป โดยเฉพาะป.เอก จะเป็นในลักษณะ “อาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเป็นหัวหน้าแลป มีทุน มีเงินเดือนให้”
.
3.ขาด4ครั้งขึ้นไป ไม่มี “ที่นั่ง” ในแลป และมีผลต่อทุนการศึกษาที่ได้รับ
.
4. ถ้าในเทอมนั้น ขาดเยอะเกิน จะโดนเลื่อนจบช้าไปอีก1เทอม
.
ด้วยกฎข้างต้น ทำให้ทุกคนแทบจะกินนอนในแลป ขนทั้งที่นอน และอุปกรณ์ออกกำลังกายมาไว้ โดยมีอาจารย์และเจ้าหน้าที่บางคน ถึงขั้นเอาเครื่องซักผ้ามาวางไว้ที่ตึกแลปเลย
.
ไม่ใช่แค่ที่แลปของอ้ายจง แต่ต้องยอมรับว่าที่จีน ไม่ว่าจะสถานศึกษา สถานที่ทำงานทั้งรัฐและเอกชน ต่างมีปัญหาการทำงานหนักจนเกินไปทั้งสิ้น เพราะมันเริ่มส่งผลถึงสุขภาพกายใจของคนจีน ผลลัพธ์ของการเรียนการทำงานก็ไม่ได้ดีเหมือนที่ทุ่มเท ดังเช่นกรณีที่พนักงานสายไอที มีการเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาทำงานหนักจนเป็นกระแสไวรัลจีนเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง