เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมายเลข 1 และหมายเลข 14 ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนไป๋เฮ่อทานได้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าครบ 100 วัน นับตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 โดยนับจนถึงปัจจุบัน โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนไป๋เฮ่อทานมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ติดตั้งแล้วเสร็จและดำเนินการผลิตไฟฟ้าแล้วจำนวน 4 เครื่อง ได้แก่ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมายเลข 1 หมายเลข 14 หมายเลข 15 (เริ่มผลิตไฟฟ้าเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564) และหมายเลข 2 (เริ่มผลิตไฟฟ้าเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564) สามารถผลิตไฟฟ้ารวมกันได้กว่า 7,000 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง
โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนไป๋เฮ่อทานตั้งอยู่บนแม่น้ำจินซาซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแยงซี บริเวณรอยต่อระหว่างมณฑลยูนนานกับมณฑลเสฉวน โดยเป็นโครงการพลังงานสำคัญระดับชาติของจีนและเป็นหนึ่งในโครงการสนับสนุนยุทธศาสตร์ “ไฟฟ้าภาคตะวันตก ส่งไปภาคตะวันออก” ใช้งบประมาณก่อสร้าง 220,000 ล้านหยวน มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 16 ล้านกิโลวัตต์ ใหญ่เป็นอันดับสองของจีนรองจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสามผาหรือ “ซานเสียต้าป้า” ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดกำลังผลิต 1 ล้านกิโลวัตต์ ซึ่งเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังการผลิตต่อเครื่องสูงที่สุดในโลก จำนวน 16 เครื่อง คาดว่าจะติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าทั้งหมดแล้วเสร็จพร้อมผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มกำลังได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2565 โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าปีละ 62,400 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เท่ากับช่วยลดการใช้ถ่านหินได้ปีละ 19.68 ล้านตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ปีละ 51.6 ล้านตัน
ปัจจุบันมีมากกว่า 20 มณฑลของจีนประสบปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า เนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของการใช้กับการผลิตไฟฟ้าของจีน กล่าวคือ ภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แต่โครงสร้างพลังงานของจีน มีไฟฟ้าที่ผลิตด้วยถ่านหินคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 70 และมีต้นทุนถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและกำหนด “เป้าหมายคู่” ในการควบคุม (1) ปริมาณการใช้พลังงาน และ (2) ความเข้มข้นในการใช้พลังงาน โดยที่ผ่านมา มณฑลยูนนานเองก็ได้รับ “การแจ้งเตือนระดับสีแดง” ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนระดับสูงต่อมณฑลที่ไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายข้างต้นได้ แต่กรณีของมณฑลยูนนานแตกต่างจากมณฑลอื่นตรงที่มณฑลยูนนานไม่ขาดแคลนพลังงานเนื่องจากใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก
โดยนับจนถึงสิ้นปี 2563 มณฑลยูนนานมีกำลังการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาดคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 85 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด และมีปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตด้วยพลังงานสะอาดคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 มณฑลยูนนานผลิตไฟฟ้าได้ 189,600 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.8 ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นไฟฟ้าพลังน้ำ 141,150 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 ไฟฟ้าพลังความร้อน 30,570 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 ไฟฟ้าพลังลม 15,700 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงร้อยละ 8.5 และไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 2,170 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7
ขณะเดียวกัน มณฑลยูนนานมีปริมาณการอุปโภคไฟฟ้า 123,100 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.4 แบ่งเป็นการอุปโภคไฟฟ้าในภาคเกษตรกรรม 1,300 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.5 การอุปโภคไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม 88,300 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 การอุปโภคไฟฟ้าในภาคบริการ 17,040 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 และการอุปโภคไฟฟ้าในครัวเรือน 16,470 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6
แนวโน้มการผลิตไฟฟ้าของมณฑลยูนนานที่มีอัตราการขยายตัวน้อยกว่าการอุปโภคไฟฟ้าภายในมณฑลข้างต้น ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2564 มณฑลยูนนานส่งไฟฟ้าที่ผลิตได้ไปนอกมณฑล 74,350 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.4 สะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจของมณฑลยูนนาน และการฟื้นตัวของภาคการผลิตและภาคการบริโภคภายในมณฑลภายหลังการคลี่คลายของสถานการณ์โรคโควิด-19 ภายในประเทศจีน ทั้งนี้ ในปี 2562 มณฑลยูนนานผลิตไฟฟ้าได้ 346,200 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยใช้อุปโภคภายในมณฑล 181,200 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.3 และส่งออกไปนอกมณฑล 166,400 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง นับเป็นก้าวแรกของมณฑลยูนนานในการเปลี่ยนจากมณฑลผู้ผลิตและขายไฟฟ้าไปสู่การเป็นมณฑลผู้ผลิตและอุปโภคไฟฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา: https://mp.weixin.qq.com/s/tooGImOU9gC1QoAzuwzU8w