ภาคสุดท้ายของเรื่องราว ธุรกิจหนังสือในจีน กับเรื่องราวนโยบายรัฐบาลจีน “1 แคมปัสมหาวิทยาลัย 1ร้านหนังสือ(อัจฉริยะ) เป็นอย่างน้อย” เพื่อผลักดันให้ธุรกิจหนังสือเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ถูก Disruptตามกระแสโลก
แม้ว่าทั่วโลกจะประสบปัญหาธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และร้านหนังสือถูกDisruptโดยเทคโนโลยี คนอ่านสื่อดิจิทัลแทนที่หนังสือเป็นเล่มแบบเดิม
แต่ที่จีน เราได้เห็นถึงการอยู่รอดของสื่อสิ่งพิมพ์และร้านหนังสือ ที่ไม่เพียงแต่อยู่รอด แต่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง (หากมีการปรับตัว) ซึ่งมีปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และร้านหนังสือในจีนให้มีการปรับตัวตามยุคสมัย
ตั้งแต่ปี2019ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการจีนได้วางนโยบายให้มหาวิทยาลัยสร้างร้านหนังสือไว้ให้บริการนักศึกษา บุคคลากร และบุคคลทั่วไปในละแวกนั้น อย่างน้อย1ร้าน ต่อ1แคมปัส (วิทยาเขต)
ถ้าหากแคมปัสไหน มีร้านหนังสือแล้ว ไม่ว่าจะดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเองหรือดำเนินการโดยเอกชน ก็ให้ช่วยปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัย นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ให้กลายเป็น “Smart On Campus Book Store” เช่น นำAI มาแนะนำหนังสือให้ตรงกับความสนใจของลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขาย, มีการขายผ่าน e-commerce โดยจัดส่งหนังสือจากทางร้าน
เท่าที่อ้ายจงได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและคุยกับเพื่อนๆที่จีน ยังพบว่าตอนนี้มหาวิทยาลัยจีน มีการใช้ร้านหนังสือเพื่อเป็นช่องทางการขายหนังสือมือสองจากห้องสมุดและจากการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นการรีไซเคิลหนังสือและเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ซื้อหนังสือราคาถูก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายนี้
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่อ้ายจงชอบมาก คือ ร้านหนังสือในมหาวิทยาลัยจะต้องพัฒนาให้เข้ากับจุดเด่นของมหาวิทยาลัย และมีการผนวกสิ่งต่างๆเข้าไปในร้านหนังสือ เพื่อทำให้เป็นมากกว่าแค่ร้านหนังสือ ไม่ว่าจะการทำเป็นพื้นที่พักผ่อน, ศูนย์กลางการจัดแสดงทางวัฒนธรรมและให้ความรู้ รวมถึงเป็นพื้นที่พบปะของคนรักหนังสือ-ผู้เขียนพบผู้อ่าน และงานสัมมนาต่างๆ ซึ่งจุดนี้อ้ายจงคิดว่า ช่วยเพิ่มโอกาสที่ดีของนักศึกษาในจีนเลยล่ะ
ทางการจีนได้ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปีนี้ 2020 หลายมหาวิทยาลัยของจีนจะเริ่มสร้างและพัฒนาร้านหนังสือแบบ Smart ตามนโยบายที่ตั้งไว้ โดยถ้าเกิดขึ้นจริง ทางจีนยังเผยว่า “นโยบายนี้จะสร้างอาชีพให้นักศึกษามีงานทำระหว่างเรียน และยังเป็นต้นแบบให้นักศึกษา ได้สร้างร้านหนังสืออัจฉริยะเป็นธุรกิจStartupของตนเองหลังเรียนจบได้อีกด้วย”
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง